Thursday, September 29, 2011

Chelsea Flower Show 2011

Chelsea Flower Show 2011
RHS Chelsea Flower Show / RHS Gardening
http://www.rhs.org.uk/shows-events/rhs-chelsea-flower-show/2011
RHS Chelsea Flower Show, 24-28 May 2011 is the world's most famous flower show and is a celebration of the highest quality horticulture.Gardens - Plan your visit - Awards - Show gardens Chelsea Flower Show 2011

Home - Chelsea Flower Show 2011
www.chelseaflowershow.moonfruit.com/
Chelsea Flower Show 2011 website with news and information including dates, official awards, garden results, best in show and history. The 2011 Chelsea ... Chelsea Flower Show 2011



Trip Around Thai | Tag Archive | Chelsea flower show 2011
www.triparoundthai.com/?tag=chelsea-flower-show-2011
Chelsea flower show 2011, Fantastic Thailand, Gold Medal, he Best of show, ทีมงานสวนนงนุช, นายกัมพล ตันสัจจา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ... Chelsea Flower Show 2011

Chelsea flower show 2011 – in pictures | Life and style | guardian.co ...
http://www.guardian.co.uk/lifeandstyle/gallery/2011/may/24/chelsea-flower-show-2011-pictures
The most striking, and strange, shots from the opening of the Chelsea flower show.Chelsea Flower Show 2011

Chelsea Flower Show 2011
http://flowerhit.blogspot.com/2010/06/chelsea-flower-show-2010.html

Wednesday, September 21, 2011

10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก

1. Rafflesia arnoldii หรือดอกบัวผุด
เป็นกาฝากชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บนรากของพืชจำพวกเถาองุ่นป่า (Tetrastigma) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ย่านไก่ต้ม มีลักษณะเด่นที่ดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินมีขนาดใหญ่ มีกลิ่นเหม็นมาก ให้เห็นระหว่างฤดูฝน ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม

ดอก ตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อขนาดใหญ่มีกลีบหนาจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง ดอกจะบานอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ดำเน่าไป ดอกบัวผุดพบใน อำเภอพนม บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี ซึงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี

10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก 10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
2. Titan Arum ดอกซากศพ หรือดอกบุกยักษ์
ดอกไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ " Amorphophallus titanum " ชื่อวิทยาศาสตร์แปลเป็นภาษาไทยได้ความหมายว่า ต้น "ลึงค์ยักษ์แปลง" คือแปลงกายให้เหมือนลึงค์แต่ไม่ใช่ลึงค์ เป็นพืชในเขตป่าร้อนชื้น ในพืชตระกูล "บัวผุด" (Rafflesia) เป็นดอกไม้เดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพืช พบขึ้นอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ลำพังตัวช่อดอกแทงยอดตั้งขึ้นไปกว่า 3 เมตร จึงพืชสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากสัตว์บางชนิด ขณะเดียวกัน กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนที่หึ่งไปทั่ว กลับเย้ายวนแมลงบางชนิดให้มาดูดน้ำหวาน และผสมเกสรให้มัน กล่าวกันว่ากลิ่นของดอก Titan Arum คล้ายกับเนื้อเน่าสำหรับคน แต่กลับเป็นกลิ่นหอมยั่วน้ำลายแมลงเต่าที่ชอบกินของเน่าและแมลงวันให้มาช่วย ผสมเกสร กลีบดอกสีแดงเข้มยังช่วยลวงตาให้สัตว์นึกว่าเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่น่าตอม ด้วย ซึ่งจะบาน 72 ชั่วโมง

3. Hydnora africana
พืชพื้นเมืองไปภาคใต้ แอฟริกา พืชเจริญเติบโตใต้ดินยกเว้นดอกไม้อ้วนที่ปรากฏบนพื้นและส่งเสียงของกลิ่น อุจจาระ เพื่อดึงดูดธรรมชาติ ผสมเกสร , ด้วงมูลสัตว์ และ ซากสัตว์ด้วง ดอกไม้ทำหน้าที่เป็นกับดักสำหรับระยะเวลาสั้น ๆ ยึดด้วงที่ใส่แล้วปล่อยพวกเขาเมื่อดอกไม้บานเต็มที่
10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก 10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
4. Helicodiceros muscivorus - Dead horse arum lily
เป็นไม้ประดับ พื้นเมืองในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน มีกลิ่นเหมือนเนื้อเน่าเหม็นหึ่ง, ดึงดูดแมลง ให้มาผสมเกสร

5. ดาร์ลิงโทเนีย (Darlingtonia), Cobra Lilly, ลิลลี่งูเห่า
ลิลลี่งูเห่า เป็นพืชกินแมลงกลุ่มเดียวกับซาราซีเนียและ Heliamphora มีชื่อเสียงในแง่ของความแปลกประหลาด น่าพิศวงและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีชื่อด้านตรงข้ามในแง่ของความบอบบางจนกล่าวกันว่า ลิลลี่งูเห่าเป็นพืชกินแมลงที่เลี้ยงยากที่สุดในโลก แม้แต่ในถิ่นที่ลิลลี่งูเห่ากำเนิดเป็นดงใหญ่ ชาวบ้านในละแวกนั้น ขุดมาใส่กระถางก็ยังตาย ดาร์ลิงโทเนีย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Darlingtonia californica ค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1841 โดยผู้ช่วยนักพฤกษศาสตร์นาม J.D. Brackenridge ในหนองน้ำแฉะทางตอนเหนือของรัฐ californica ซึ่งมีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับประเทศไทย

ดาร์ลิงโทเนียเป็นพืชล้มลุกไม่มีเนื้อไม้ อายุหลายปี มีต้นฝังอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้า รากแตกเป็นฝอยเล็กๆ ไม่มีรากแก้ว ใบของมันจะแทงขึ้นพ้นพื้นดินลักษณะเป็นกอ เช่นเดียวกับซาราซีเนีย แต่ความแตกต่างที่เห็นชัดคือว่า กรวยที่ยกขึ้นเป็นหลอดด้านหนึ่งจะโค้งงอเป็นรูปโดม จนไปชนปลายกรวยอีกด้านหนึ่งเหลือไว้เพียงรูเล็กๆ พอให้แมลงมุดขึ้นไปได้ ฝากรวยแปลงรูปไปเป็นแผ่นคล้ายลิ้นงู 2 แฉก แล้วกรวยของมันยังบิดตัวหมุนกลับ 180 องศา ทำให้ลิ้น 2 แฉกหมุนกลับมาอยู่นอกกอ ยอดโดมเป็นเนื้อเยื่อใสคล้ายพลาสติก แสงลอดผ่านได้ ใช้กลิ่นหอมของน้ำหวาน ที่มันผลิตขึ้นบริเวณปากทางเข้า เป็นตัวหลอกล่อให้แมลงเดินเข้าไปยังกับดักและตกลงไปตายในที่สุด

แต่เจ้าลิลลี่งูเห่าทำได้แยบยลกว่านั้น น้ำหวานที่มันผลิตจะหลอกล่อให้แมลงเดินเข้าไปในรูเปิดเล็กๆ บริเวณลิ้นงูเห่า ซึ่งผนังภายในมีน้ำหวานจำนวนมาก แมลงอาจลังเลที่จะมุดตัวเข้าไปในกรวยที่เต็มไปด้วยน้ำย่อย แต่เมื่อมันมองเข้าไปด้านใน มันจะเห็นแสงสว่างส่องมาจากด้านบนของโดม ซึ่งใสคล้ายพลาสติกทำให้มันหลงกลคิดว่าด้านบนคือท้องฟ้า หากเกินเหตุอันตรายมันก็สามาถบินหลบหนีขึ้นไปได้ทันที แมลงเคราะห์ร้ายจึงชะล่าใจมุดเข้าไปกินน้ำหวานลึกเข้าไปในกรวยที่มีขน ละเอียดและแหลมคม หันไปทิศทางเดียวกันทำให้แมลงไม่สามารถเดินย้อนกลับได้
10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก 10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
6. Heliamphora
เป็นพืชที่มีเหมือกเหนียวสำหรับดักแมลง กลไกของดอกจะมีซอกซับซ้อนที่ทำให้แน่ใจว่าไม่สามารถมีเหยื่อเล็ดรอดไปได้ และเหยื่อจะถูกละลายด้วยน้ำเมือกที่เป็นกรด

7. Drosera หรือ หยาดน้ำค้าง
หยาดน้ำค้างเป็นพืชกินสัตว์สกุลใหญ่สกุลหนึ่ง มีอยู่ประมาณ 170 ชนิด เป็นสมาชิกในวงศ์หญ้าน้ำค้าง ล่อ, จับ และย่อยแมลงด้วยต่อมเมือกของมันที่ปกคลุมอยู่ที่ผิวใบ แมลงจะใช้เป็นสารเสริมทดแทนสารอาหารที่ขาดไปจากดินที่ต้นหยาดน้ำค้างขึ้น อยู่ มีหลากหลายชนิด ต่างกันทั้งขนาดและรูปแบบ สามารถพบได้แทบจะในทุกทวีป

ในประเทศไทยพบหยาดน้ำค้างอยู่ 3 ชนิดคือ จอกบ่วาย (Drosera burmannii Vahl), หญ้าน้ำค้าง (Drosera indica L.) และ หญ้าไฟตะกาด
10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก 10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
8. Dionaea/Venus Flytrap หรือ กาบหอยแครง
กาบหอยแครง (อังกฤษ: Venus Flytrap) เป็นพืชกินสัตว์ที่ดักจับและย่อยกินเหยื่อที่จับได้ ซึ่งส่วนมากเป็นแมลงและแมง กาบหอยแครงมีโครงสร้างกับดักคล้ายคล้ายบานพับแบ่งออกเป็น 2 กลีบ อยู่ที่ปลายใบของแต่ละใบ และมีขนกระตุ้นบางๆบนพื้นผิวด้านในกับดัก เมื่อแมลงมาสัมผัสขนกระตุ้นสองครั้ง กับดักจะงับเข้าหากัน การที่ต้องการสิ่งกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานไป กับการดักจับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร

9. Nepenthes หรือ หม้อข้าวหม้อแกงลิง
หม้อ (Pitcher) ของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง คือเครื่องมือของนายพราน - กับดักสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก - ที่พืชสกุลนี้ส่วนใหญ่ (แต่ไม่ทุกต้น) มีไว้เพื่อหาอาหารที่ขาดแคลนในแหล่งดิน มันหลอกล่อเหยื่อให้เดินเข้ากับดักโดยอาศัยกลิ่นเลียนแบบกลิ่นอาหารตาม ธรรมชาติของเหยื่อ อาจเป็นกลิ่นน้ำหวาน กลิ่นเนื้อสัตว์ กลิ่นแมลงเพศเมีย ฯลฯ หรือยั่วยวนเหยื่อด้วยสีสัน หรือน้ำหวาน หม้อข้าวหม้อแกงลิง บางสายพันธุ์สามารถสะท้อนแสงยูวี (Ultraviolet)จากบริเวณปากหม้อ โดยเฉพาะหม้อแถบบอร์เนียว หลักการคล้ายกับการล่อแมลงโดยใช้แสงจากหลอดที่ชาวบ้านเรียกแบล็คไลท์ใช้ล่อ แมงดานา หม้อข้าวหม้อแกงแกงลิงก็มีแบล็คไลท์เพื่อล่อแมลงกลางคืน ด้านในและใต้ส่วนที่งุ้มโค้งของปากหม้อ (peristome) ส่วนใหญ่เป็นแหล่งผลิตน้ำหวานปริมาณ

N. mirabilis ชอบกินมดมาก เมื่อมดแมลงพยายามชะโงกตัวดูดกินน้ำหวานใต้ปากหม้อที่ลื่นและผิวเป็นคลื่น ตามแนวที่เหยื่อชะโงกอยู่ยืน นอกขจากนี้ ผิวที่ปากหม้อยังมีไขมันเคลือบเป็นมัน เหยื่อจึงมีโอกาสพลัดตกลงไปในหม้ออย่างง่ายดาย

หม้อ แต่ละชนิด จะดึงดูดเหยื่อไม่เหมือนกัน เช่นหม้อข้าวหม้อแกงลิงของไทยที่ชื่อ Nepenthes mirabilis เก่งในการล่อมดดำให้ตกลงไปในหม้อคราวละมากๆ บางครั้งเคยเห็นหม้อที่มีมดเกือบเต็ม ในขณะที่หม้ออัลบอ (N. albomarginata ) เก่งในทางหลอกล่อปลวก
10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก 10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
10.Byblis
เป็นพืชที่เล็กที่สุดในตะกูลต้นไม้กินแมลง ใบผิวของขนหนาแน่นด้วยต่อมขับ เมือก สารจากปลายของเกสร ดึงดูดแมลงเล็กๆให้มาติดกับ ซึ่งเมื่อสัมผัสหลั่งเหนียว ก็จะไม่มีความแข็งแรงพอที่จะหลบหนี แมลงหรือเหยื่อก็จะเสียชีวิตด้วยความอ่อนเพลียทำให้หายใจไม่ออก เมื่อเมือกปกคลุมและอุดตันเส้นทางหายใจ

10 ดอกไม้แปลกที่สุดในโลก
http://campus.sanook.com/10-สุดยอดดอกไม้แปลกๆในโลก-941736.html
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : http://roypad.com/?p=190

จัดสวนด้วยตนเอง สไตล์ สวนบาหลี Balinese garden

จัดสวนด้วยตนเอง สไตล์ สวนบาหลี Balinese garden
จัดสวนด้วยตนเอง สไตล์ สวนบาหลี Balinese garden แบบสวนบาหลี
www.novabizz.com/CDC/Garden/Garden_Bali_101.htm
แบบสวนบาหลี สวนบาหลี สวนสไตล์บาหลี แบบสวน บาหลี Balinese Garden สวนบาหลี. ... การออกแบบจัดสวน. หลักพื้นฐานการออกแบบ · องค์ประกอบของศิลป์ ... จัดสวนด้วยตนเอง สไตล์ สวนบาหลี Balinese garden


สอนการจัดสวนด้วยตนเอง สไตล์สวนบาหลี ฺBalinese garden การจัดสวนบาหลี สวนสไตล์บาหลีเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน การจัดสวนสไตล์นี้มักจะผสมผสานความเป็นสวนน้ำเข้าไปด้วย จึงมีบ่อน้ำและพันธุ์ไม้น้ำ เช่น กกพันธุ์ต่างๆ เป็นองค์ประกอบหลักของสวน และมีการนำรูปปั้นหินทรายรูปสัตว์ต่างๆ ตกแต่งไว้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ สื่อการสอนชุดนี้ได้แนะนำ และสาธิตการจัดสวนในสไตล์บาหลี ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด สำหรับทาวน์เฮ้าส์ และตึกแถว

สวนบาหลี, จัดสวนบาหลี, การจัดสวนบาหลี, ตกแต่งสวนบาหลี, แต่งสวนบาหลี ...
www.novabizz.com/CDC/Garden/Garden_Style_Bali.htm
บ่อน้ำของบาหลี ต้องใช้หินสกัดเป็นแท่งๆประเภทศิลาแลง แต่นักจัดสวนปัจจบันของไทยนิยมใช้ไฟเบอร์หล่อเป็นบ่อน้ำแทน คุณภาพใช้แทนกันได้โดยไม่น่าเกลียด ... จัดสวนด้วยตนเอง สไตล์ สวนบาหลี Balinese garden

http://www.kroobannok.com/blog/view.php?article_id=15620&page=9

Saturday, September 17, 2011

การจัดสวนถาด Landscaping Tray

การจัดสวนถาด Landscaping Tray การจัดสวนถาด Landscaping Tray
การจัดสวนถาดแบบทันสมัย
www.paktho.ac.th/student/m62549/siriwan/
ขั้นตอนการจัดสวนถาด · การจัดสวนถาดแบบ 1, 2 และ 3 กลุ่ม · การจัดสวนถาดน้ำตกแบบย่อทิวทัศน์ธรรมชาติ · การจัดสวนถาดแบบย่อเรื่องราว · การจัดสวนถาดเพื่อการตกแต่งภายใน ...
ความหมาย - สวนถาด - แนวคิดการจัดสวนถาด - การเลือกใช้ตุ๊กตาจำลองและการเลี้ยงมอสส์



เทคนิคการจัดสวนถาด - เพิ่มสีเขียวให้กับห้องพักหรือโต๊ะทำงานด้วยสวนถาด ...
www.greenlattes.com/.../179-master-decorative-ideas-to-tray-garden
เทคนิคการจัดสวนถาด เพิ่มพื้นที่สีเขียวบนโต๊ะทำงานหรือห้องรักแขกด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง แล้วต่อยอดพัฒนาฝีมือให้กลายเป็นงานเสริมเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง. การจัดสวนถาด Landscaping Tray

http://nonghai.board.ob.tc/-View.php?N=38

Tuesday, September 13, 2011

การจัดสวนหน้าบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย Feng Shui Garden

การจัดสวนหน้าบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย Feng Shui Garden การจัดสวนหน้าบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย Feng Shui Garden

การจัดสวนหน้าบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย Feng Shui Garden การจัดสวนหน้าบ้าน กับทิศทางของฮวงจุ้ย บริเวณหน้าบ้าน นับเป็นจุดแรกของความประทับใจของผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านและผู้มาเยือนค่ะ ดังนั้น การจัดสวนหน้าบ้าน จึงเป็นบริเวณแรก ๆ ที่หลาย ๆ ท่านให้ความสำคัญในการจัดสวน

การจัดสวนหน้าบ้าน นี้ไม่ควรมีต้นไม้ที่รก หรือทึบมากเกินไปจนมองไม่เห็นตัวบ้านนะคะ และการเลือกพันธุ์ไม้ ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับทิศทางของแสงแดด

อ.ไสว พงษ์พันธุ์คุ้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการจัดสวนสวยมานานกว่า 30 ปี ได้ให้คำแนะนำสำหรับการจัดสวนหน้าบ้านไว้ดังนี้ค่ะ

ถ้าหน้าบ้านมีพื้นที่มากพอ ควรปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงา เช่น พิกุล จำปี ปีบ

ถ้าหน้าบ้านมีพื้นที่น้อย ให้เลือกปลูกต้นไม้ที่ไม่กินพื้นที่มากแต่ให้ร่มเงาดี อย่างเช่น ต้นไม้ตระกูลหมากหรือปาล์ม เช่น หมากเขียว หมากเหลือง หรือหมากนวล เพราะไม้ประเภทนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และรากจะไม่รบกวนโครงสร้างของบ้าน

ถ้าหน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก แสงแดดจะส่องเข้ามาในบ้านช่วงบ่าย ก็ควรเลือกปลูกต้นไม้ ที่สามารถบังผนังบ้านไม่ให้ร้อน

แต่หากหน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ปัญหาเรื่องแสงแดดก็จะมีน้อยค่ะ ควรเลือกใช้ต้นไม้ที่มีขนาดเล็ก เช่น โมก แก้ว หรือลำดวน

ถ้าหน้าบ้านของคุณหันไปทางทิศใต้ ก็ให้พยายามจัดพื้นที่ส่วนนี้ของคุณให้นิ่งและสงบเงียบให้มากที่สุด ด้วยการปลูกต้นไม้ที่โตช้า เช่น ไม้ตระกูลสน

นอกจากนี้ตามหลักความเชื่อ ที่เชื่อกันว่า สวนหน้าบ้านควรหันไปทางทิศใต้เพราะจะดึงดูดพลังหยางหรือพลังที่ให้โชค แต่หากว่าสวนหน้าบ้านของเราไม่ได้หันไปทางทิศใต้ก็อย่าเพิ่งกังวลใจนะคะ เพราะมีเคล็ดกันว่า เพียงคุรหารูปปั้นหงส์มาวางไว้เท่านั้น ก็จะช่วยดึงดูดพลังหยางเข้ามาสู่ภายในสวนของคุณได้

ส่วนสวนที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ จะดึงดูดพลังที่ส่งเสริมเรื่องอาชีพการงานค่ะ การจัดสวนที่ช่วยเสริมพลังในเรื่องนี้ ก็คือให้มีบ่อน้ำหรือสิ่งประดับสวนที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบไว้ในบริเวณที่มองเห็นจากประตูหน้า

สวนที่หันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ทางฮวงจุ้ยถือว่าดึงดูดพลังที่อุปถัมภ์ในเรื่องของครอบครัวอ่ะนะคะ ควรปลูกลูกต้นไผ่ เพื่อเสริมพลังด้านนี้ให้เด่นชัดขึ้น และเนื่องจากทิศนี้ปัญหาเรื่องแสงแดดจะมีน้อย ควรเลือกใช้ต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก อย่างเช่น โมก ลำดวน แก้ว

http://suansanruk.blogspot.com/2011/06/blog-post_03.html

Sunday, September 4, 2011

จัดสวนสวยริมระเบียงคอนโด Condo Garden

จัดสวนสวยริมระเบียงคอนโด Condo Garden จัดสวนสวยริมระเบียงคอนโด Condo Garden
จัดสวนสวยริมระเบียงคอนโด Condo Garden สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ไม่มากนัก เช่น อพาร์ตเม้นท์หรือคอนโดฯ การมีสวนสวยริมระเบียงจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ แต่ถ้าตกแต่งไม่ดี อาจทำให้ดูรกรุงรังได้

เริ่มสำรวจพื้นที่ของเราก่อน
ตรวจสอบตำแหน่ง "ท่อระบายน้ำฝน" และวัดระดับพื้นระเบียงว่าต่ำกว่าพื้นภายในห้องเท่าใดไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการจัดตำแหน่ง เพราะตำแหน่งท่อระบายน้ำในสัมพันธ์ถึงการจัดวางตำแหน่งของกระบะต้นไม้หรือบ่อเลี้ยงปลา ซึ่งควรอยู่ฝั่งตรงข้ามกับท่อระบายน้ำ เพื่อไม่ให้กีดขวางช่องทางระบายน้ำของระเบียง ไม่เช่นนั้น ทำสวนเสร็จแล้วเราอาจต้องคอยแก้ปัญหาน้ำท่วมแทน

ระเบียงส่วนใหญ่มีข้อจำกัดที่มักจะแคบและยาวรับน้ำหนักมาก ๆ ไม่ได้
บางครั้งก็มีชายคาเป็นตัวกำหนดความสูงของต้นไม้ ระเบียงยังเป็นทางผ่านของแสงธรรมชาติที่เข้าห้องเราอีก หากปลูกต้นไม้มากเกินไปอาจบังแสงทำให้ห้องมืด การจัดสวนระเบียงจึงต้องจัดให้พอดีกับขนาดพื้นที่ ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่กินพื้นที่ทางกว้างมากเกินไป ควรกำหนดรูปแบบการใช้งานให้ชัดเจน ว่าจะใช้นั่งนอนเอกขเนก หรือจะไว้แค่ชมวิวชั่วครั้งชั่วคราว หรือเอาไว้ชื่นชมความงามในห้อง เพื่อให้สวนของเราตอบสนองความต้องการได้ตรงกับใจ สวนในพื้นที่ขนาดเล็กไม่ควรมีจุดเด่นมากเกินไปในสวน เพราะจะทำให้ดูเลอะเทอะ ซ้ำยังบั่นทอนความงามของสวนให้ลดลงอีกด้วย

ข้อจำกัดของพื้นที่แนวราบน้ำ
มีทางออกที่น่าสนใจโดยเลือกใช้ "พื้นที่แนวตั้ง" คือ พื้นที่ผนังกั้นระเบียงของเรากับเพื่อนบ้านข้างเคียง อาจเลือกใช้ไม้ฝาสังเคราะห์ หรือกรุกระเบื้องแบบหินธรรมชาติ หรือจะตีไม้ระแนงเว้นร่องก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ผนังได้ไม่น้อย การเลือกใช้วัดสุที่ดูเป็นธรรมชาตินี้จะช่วยให้สวนของเรามีบรรยากาศผ่อนคลาย ยิ่งขึ้น พื้นที่ส่วนนี้เราสามารถติดตั้งชั้นวางที่ขนาดและสัดส่วนพอเหมาะกับผนัง ขนาดของชั้นควรกว้างประมาณ 15 - 20 ซม. สำหรับวางไม้กระถางเล็ก ๆ หรือของตกแต่งดินเผาน่ารัก ๆ ก็ได้

พื้นระเบียง
สำหรับพื้นระเบียงจะเลือกใช้ไม้พื้นหรือแผ่นพื้นไม้สำเร็จรูปก็มีให้เลือกมากมาย หากเลือกใช้ไม้พื้นต้องวางต้นไม้เหนือบริเวณพื้นก่อนที่จะปูไม้พื้นลงไป ให้ระยะห่างระหว่างตงแต่ละตัวประมาณ 50 ซม. เพื่อระบายน้ำฝน ส่วนความหนาของไม้พื้นก็มักอยู่ที่ 1 - 1.5 นิ้ว แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากอาจเลือกใช้แผ่นไม้พื้นสำเร็จรูปก็ได้ แต่ถ้าไม่ชอบไม้กระเบื้องดินเผาก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ การปูพื้นไม่จำเป็นต้องปูเต็มพื้นที่จะเว้นช่องไว้โรยกรวดบ้างก็ได้ ยิ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายด้วยการเล่นวัสดุ แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด คือ เมื่อปูแล้วพื้นระเบียงไม่ควรสูงมากกว่าพื้นภายในห้อง มิฉะนั้นอาจก่อปัญหาน้ำฝนไหลเข้าห้องได้เวลาฝนตก

เลือกต้นไม้
ก่อนจะปลูกอะไร เราต้องรู้ก่อนว่าระเบียงของเรามีสภาพแวดล้อมอย่างไร หากระเบียงของเราได้รับแดดไม่เต็มวัน ก็ต้องเลือกต้นไม้ที่สามารถอยู่รอดได้จำพวกไม้ทนร่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้ใบชนิดต่าง ๆ เช่น เฟิร์น จั๋ง สาวน้อยประแป้ง เดหลี ฯลฯ แต่ในทางกลับกัน หากระเบียงของเราได้แดดเต็ม ๆ ก็ต้องเลือกไม้ที่ทนแดดได้ดี และไม่ควรเลือกต้นไม้ที่มีใบขนาดใหญ่เกินไปนัก เพราะนอกจากจะกินพื้นที่แล้ว ลมบนตึกสูงจะพัดทำให้ใบฉีกขาดอีกด้วย ไม้ที่สามารถตัดแต่งพ่มได้อย่างแก้ว หรือชาปัตตาเวียก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสวนระเบียง ในพื้นที่เดียวกันสวนจะน่าสนใจหากเลือกพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันทั้งไม้ทรงสูง ไม้พุ่มขนาดกลาง และไม้คลุมดินเพื่อเลียนแบบลักษณะธรรมชาติที่มีความหลากหลาย แต่ในความต่างนี้ต้องคำนึงถึงลักษณะพันธุ์ไม้ด้วย ให้มีลักษณะเดียวกัน หรือคล้ายกันอยู่ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการดูแล ลักษณะพันธุ์ไม้แบ่งได้ดังนี้ ไม้ที่ชอบแสงรำไร ไม้น้ำ ไม้ชอบแสงแดด ไม้อวบน้ำ และกล้วยไม้

เตรียมต้นไม้ก่อนปลูก
เมื่อเลือกซื้อได้แล้ว ต้นไม้ที่ซื้อมาใหม่ ๆ ยังไม่ควรนำมาปลูกทันที แต่ควรช่วยต้นไม้ตั้งตัวได้โดยการนำออกจากถุงดำหรือกระถางมาพักไว้ในที่แดดรำไรสักหนึ่งคืน รดน้ำให้ชุ่มแล้วค่อยนำไปปลูกในกระถางในวันถัดไป ต้นไม้ที่มาจากร้านส่วนใหญ่ถูกปลุกในวัสดุเพราะชำมากกว่าดินปลูก ดังนั้น เมื่อเราจะปลูกลงกระถางก็ควรเปลี่ยนมาปลูกในดินที่เหมาะกับชนิดของ ต้นไม้ใหม่ทุกครั้ง

จัดวางต้นไม้ให้สวย
การจัดวางที่เหมาะสม ความสูงที่ลดหลั่นกัน ด้านหลังวางต้นไม้สูง ด้านหน้าวางต้นเตี้ยเหมือนกับธรรมชาติ ช่วยเพิ่มมิติในการมอง การเรียงไม้กระถางที่อยู่ริมกระบะหรือชิดขอบทางเดินให้เอียงเล็กน้อย กิ่ง ก้าน ใบที่ยื่นล้ำออกมาจากแนวขอบจะทำให้สวนของเราดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น กระถางที่เลือกใช้ในสวนจะเลือกแบบเรียบ ๆ สีเดียวอย่างดินเผาเพื่อพรางกระถางไม่ให้ดูเด่นสะดุดตาหรือก่อกระบะต้นไม้ จากอิฐบล็อกประสาน , อิฐมอญ หรือไม่หมอนเพื่อพรางสายตาก็ได้ แต่ในกลับกันแทนที่เราจะวางกระถางหลบ ๆ เราสามารถสร้างความต่างจากกระถางที่เลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง สีสัน หรือวัสดุที่แตกต่างกันเมื่อนำมาอยู่รวมกันจะสร้างความน่าสนใจ สำหรับมือใหม่หัดจัดสวนอย่างเรา ๆ การเลือกโทนสีแค่ 2 - 3 สี น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้สีในสวนของเราเลอะเทอะเกินไป

ที่มาของข้อมูล: โอเคเนชั่น
http://www.thaihomeonline.com/hometips.php?id=282

Thursday, September 1, 2011

การเลือกซื้อพรรณไม้ การจัดสวน Tree Garden

การเลือกซื้อพรรณไม้ การจัดสวน Tree Garden การเลือกซื้อพรรณไม้ การจัดสวน Tree Garden
การเลือกซื้อพรรณไม้ การจัดสวน Tree Garden พรรณไม้ให้ความร่มรื่น ความงาม ความชุ่มชื้นแก่จิตใจ และยังให้คุณประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่นป้องกันแสงแดด ป้องกันเสียง กันลม ปิดบังสายตา การเลือกซื้อพันธุ์ไม้มาปลูกในบ้านจึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและจุดประสงค์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามประเภทหลักๆ เช่นไม้ยืนต้น, ไม้พุ่ม, ไม้คลุมดิน, ไม้เลื้อย และไม้น้ำ

ซึ่งทั้งหมดนี้ยังแบ่งตามสภาพแสงเป็นไม้กลางแจ้งไม้รำไร และไม้ในร่ม ดังนั้นการเลือกซื้อต้นไม้จึงต้องทำการศึกษาลักษณะและชนิดของพันธุ์ไม้นั้นๆให้เหมาะสม เช่น

ไม้ยืนต้น ให้ร่มเงา ที่นิยมปลูกในบ้าน ส่วนมากชอบแสงแดดจัด เช่น พญาสัตบรรณ ปีป คอเดีย จำปี ลั่นทม สนชนิดต่างๆ

ไม้พุ่ม ประดับเป็นแนว ตัดแต่งเป็นรูปทรง เช่นชาฮกเกี้ยน เทียนทอง ผกากรอง พุดจีบ โมก เข็ม เป็นต้น

ไม้เลื้อย จัดเป็นซุ้มหลังคาไม้ระแนงบังตา เช่น จันทร์กระจ่าง อมรเบิกฟ้า พวงชมพู เล็บมือนาง กระดังงา เป็นต้น

ไม้คลุมดิน มีทั้งไม้แดดและไม้ร่ม เช่น ดาดตะกั่ว บุษบาฮาวาย ผกากรองเลื้อย หัวใจม่วง กระดุมทอง เป็นต้น

ไม้น้ำ สำหรับปลูกในบ่อ หรือสวนน้ำ เช่น บัวสีต่างๆ กกร่ม กกอียิปต์ คล้าน้ำ อเมซอล เป็นต้น

ความรู้เรื่องปุ๋ย สำหรับผู้ที่รักการจักสวน ปลูกต้นไม้ในบ้าน สิ่งที่ควรรู้อีกอย่างคือ ต้นไม้ต้องการสารอาหารภายในดิน ดินแต่ละพื้นที่มีสภาพต่างกันมีสารอาหารที่เหมาะสำหรับพืชไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องมีการเติมสารอาหารสำหรับพืชลงในดิน เราเรียกว่าการใส่ปุ๋ย ปุ๋ยมีหลายประเภทเพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน เช่นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยเคมี ซึ่งมีขายทั่วไปสะดวกต่อการซื้อหามาใช้

โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี มีสูตรให้เลือกใช้งานมากมาย โดยในสูตรแต่ละสูตรจะมีสารอาหารหลักที่พืชต้องการอยู่ 3 ชนิด สารอาหารที่ว่านี้คือ (N)ไนไนโตรเจน-(P)ฟอสฟอรัส-(K)โพแทสเซียม โดยฉลากข้างถุงจะกำหนดเป็นตัวเลข เช่น 15-10-5 จะหมายถึง มีปริมาณ(ร้อยละ) ของไนโตรเจนอยู่15% มีฟอสฟอรัส 10% และมีโพแทสซียม 5% หรือจะเป็นการให้สารอาหารในปริมาณที่เท่าๆกัน คือปุ๋ยสูตรเสมอ เช่นปุ๋ยสูตร 16-16-16

N = ไนโตรเจน สำหรับความเจริญเติบโตของใบ

p = ฟอสฟอรัส สำหรับเร่งความเจริญเติบโตของดอก

K = ไนโตรเจน สำหรับความเจริญเติบโตของลำต้นและผล

http://flowerhit.blogspot.com/2009_10_01_archive.html